การเลือกซื้อ เครื่องล้างรถ (ปั๊มอัดฉีด)
สิ่งที่เราต้องคำนึงอย่างแรกคือ การนำไปใช้งาน เพราะเครื่องล้างอัดฉีดมีด้วยกันหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายแรงดัน ตั้งแ่ต่ 70 Bar 90 Bar 100 Bar 110 Bar 120 Bar จนถึง 200 Bar กันเลยทีเดียว นอกจากจะมีหลากหลาย แรงดันแล้ว ยังต้องดูเรื่องปริมาณการให้น้ำว่ากี่ลิตร/ชั่วโมง และลักษณะของมอเตอร์ งบประมาณที่เราตั้ง เอาไว้ในการที่จะเป็นเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง สักตัว นอกจากนี้แล้วที่สำคัญที่สุดคือ การรับประกันสินค้า (อันนี้สำคัญมาก)
วันพุธที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2557
วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2557
สว่านไฟฟ้า อุปกรณ์งานช่างที่สำคัญมากๆคัญช่าง
สว่านไฟฟ้า อุปกรณ์งานช่างที่สำคัญมากๆคัญช่าง
สว่าน คืออุปกรณ์เครื่องมือช่างชนิดหนึ่ง ใช้สำหรับเจาะรูบนวัสดุหลายแบบ เป็นอุปกรณ์เครื่องมือช่างที่ใช้เป็นประจำในงานไม้และงานโลหะ ประกอบด้วยส่วนสำคัญคือดอกสว่านที่หมุนได้
ดอกสว่านยึดอยู่กับเดือยด้านหนึ่งของสว่าน และถูกกดลงไปบนวัสดุที่ต้องการจากนั้นจึงถูกทำให้หมุน ปลายดอกสว่านจะทำงานเป็นตัวตัดเจาะวัสดุ กำจัดเศษวัสดุระหว่างการเจาะ (เช่น ขี้เลื่อย) หรือทำงานเป็นตัวสูบอนุภาคเล็กๆ (เช่นการเจาะน้ำมัน)
วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557
ทำความรู้จัก ปั้มลม (Air Compressor)
ทำความรู้จัก ปั้มลม (Air Compressor)
ปั๊มลม หรือ เครื่องอัดอากาศ เครื่องอัดลม มีชื่อภาษาอังกฤษว่า "Air Compressor" ใช้สำหรับในการอัดลมให้มีแรงดันสูงตามที่เราประสงค์เพื่อนำไปใช้ประโยชน์และประยุคใช้ได้หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นระบบลมในโรงงานอุตสาหกรรมตั้งแต่ขนาดเล็ก ตลอดจนถึงโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ระบบนิวเมติกส์ และอุตสาหกรรมครัวเรือน เช่นการซ่อมรถ ซึ่งจะใช้เป็นปั๊มลมจำพวกลูกสูบ (Piston Air Compressor) เพราะใช้แรงดัน (Pressure) ไม่สูงมาก เป็นต้น ส่วนเครื่องปั้มลมที่ใช้ในโรงงานส่วนใหญ่นั้นส่วนใหญ่แล้วจะใช้เป็นปั๊มลมประเภทสกรู (Screw Air Compressor) ซึ่งจะใช้แรงลมที่มากกว่า
แนะนำวิธีซื้อปั้มลม
เราต้องเลือกดูงานที่เราจะใช้ เราต้องการปั้มที่แรงดันมากน้อยประมาณไหน ปริมาณลมที่ต้องการมาก ความต่อเนื่องของงาน และปริมาณการจ่ายลม ลมที่ใช้ต้องสะอาดระดับไหน เช่น การทำงานของช่างไม้ ใช้ปั้มลูกสูบ อาจจะต้องการแรงลมมากพอสมควร อาจจะมีจุดแตกต่างเรื่องความสม่ำเสมอของงานทำให้ ขนาดของถังบรรจุลมที่ใหญ่ สามารถทำงานได้ไม่ขาดระยะ เครื่องก็จะไม่ต้องทำงานหนักคือปั้มทำงานบ่อย เมื่อความดันหรือปริมาณลมลดต่ำลง หรือ จะใช้ปั้มลมกับแอร์บลัช ทำเลที่ตั้งการใช้งานมีส่วนสำคัญ เช่น ที่บริเวรชุมชน บ้านพักอาศัย อาจก่อให้เกิดปัญหากับคนข้างบ้านได้ ข้อแตกต่าง ระหว่าง ปั้มลมสายพาน กับโรตารี่ (Rotary) ปั้มลมสายพานจะเสียงเบากว่าปั้มลม โรตารี่ (Rotary) ถ้าต้องการลมที่มีความสะอาด ใช้ปั้มลมแบบ ไดอะเฟรม เพราะลมจะไม่ได้สัมผัสกับโลหะเลย แต่ให้แรงลมน้อยมากๆ ใช้กับอุดสาหกรรมเคมี อาจมีอาการลมชะงักบ้าง ส่วนปั้มลมแบบสกรูเราจะพบเห็นตามโรงงานเป็นส่วนมาก ให้แรงลมต่อเนื่องและมีความดันตามขนาดของตู้ เป็นต้น
การเลือกปั้มลมใช้เองที่บ้าน
โดยที่ปั้มลมที่คนนิยมสูงสุดคือ ปั้มลมแบบลูกสูบ (PISTON COMPRESSOR) มีหลายยี่ห้อเช่น TRYTON,OKURA, PUMA, SWAN, RAMBO, ROWEL, ANTO
ให้เราเลือกจากการใช้งานของเรา
1. แรงดันลมที่คุณใช้งาน
2. ปริมาณแรงลมที่ใช้ต่อเนื่อง
3. สถานที่ใช้งาน เนื่องจากปั้มลมแต่ละแบบ จะมีเสียงดังไม่เท่ากัน
4. ลมที่ใช้งานมีความสะอาดขนาดไหน
ปั้มลมสามารถแบ่ง 6 หมวด
1. เครื่องอัดลมหรือ ปั้มลมแบบลูกสูบ (PISTON COMPRESSOR)
2. เครื่องอัดลมหรือ ปั้มลมแบบสกรู (SCREW COMPRESSOR)
3. เครื่องอัดลมหรือ ปั้มลมแบบไดอะเฟรม (DIAPHARGM COMPRESSOR)
4. เครื่องอัดลมหรือ ปั้มลมแบบใบพัดเลื่อน (SLIDING VANE ROTARY COMPRESSOR)
5. เครื่องอัดลมหรือ ปั้มลมแบบใบพัดหมุน (ROOTS COMPRESSOR)
6. เครื่องอัดลมหรือ ปั้มลมแบบกังหัน (RADIAL AND AXIAL FLOW COMPRESSOR)
เครื่องปั๊มลมหรือเครื่องอัดลมลักษณะนี้ยังถูกแบบออกเป็นประเภทย่อยๆได้อีก อาทิเช่น
- Belt Drive Screw Air Compressor
- Direct Drive Screw Air Compressor
- Variable Speed Drive Screw Air Compressor
- Vacuum Screw Air Compressor
- Single Stage Screw Air Compressor
- Two Stage Screw Air Compressor
วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2557
มาทำความรู้จักปั๊มน้ำพร้อมด้วยจุดดีของปั๊มน้ำกันเถอะ
มาทำความรู้จักปั๊มน้ำพร้อมด้วยจุดดีของปั๊มน้ำกันเถอะ
ปั๊มน้ำ เป็นเครื่องมือช่างหรือเครื่องมือไฟฟ้า อีกประเภทหนึ่งที่ใช้มาก ในอุตสาหกรรมและ ตามบ้านเรือน โดยตรงตัวตามที่พักอาศัยซึ่งเป็นอาคารชุด ตามอาคารสำนักงาน อาคารพาณิชย์ต่างๆ หรือในบางพื้นที่ที่ต้องการสูบน้ำ จากใต้ดินขึ้นมาใช้
ดังนั้นการรู้จักมักจี่ซื้อ รู้จักวิธีใช้และการติดตั้ง “ปั๊มน้ำ” อย่างถูกวิธีจะไม่ก่อให้ เกิดการรั่ว ไหลและสิ้นเปลืองพลังงานและเป็นการใช้ไฟฟ้าและใช้น้ำอย่างมี ประสิทธิภาพ และราคาปั๊มน้ำที่ถูกลงมาก
พรรณของปั๊มน้ำ (ตามลักษณะการทำงาน)
ปั๊มแบบใบพัด
ปั๊มชนิดนี้ภายในเรือนปั๊ม จะมีใบพัด ปฏิบัติ ราชการสร้างความดัน จากการหมุนที่ความเร็วรอบสูงและแรงดันทำให้ น้ำไหลไปตามท่อที่ต่อ'ไว้ได้ นิยมนำมาใช้ใน อุตสาหกรรมและตามที่อยู่อาศัยทั่วไป เพราะ การไหลของนาจะต่อเนื่องสม่ำเสมอ
เครื่องปั๊มน้ำแบบลูกสูบ
ปั้ม น้ำวิธนี้เรือนปั๊มเป็นกระบอกสูบ ภายในจะมีลูกสูบ ทำหน้าที่สร้างความดันจากการเคลื่อนที่ของลูกสูบ ทำ ให้ปริมาตรของ กระบอกสูบลดลงเกิดเป็นความดันเพื่อขับดันนาให้ไหลไปได้ แต่การไหลของนา จะเป็นช่วงๆ ตามจังหวะการเคลื่อนที่ของลูกสูบ ส่วนใหญ่นำไปใช่ในงาน ที่ต้องการความดันสูง
การทำงานของปั๊มน้ำ
ปั๊มน้ำที่ใช้ภายในบ้านเป็นชนิดที่มี ใบพัดภายในหัวปั๊มหรือเรือนปั๊ม ใบพัดเป็นตัวสร้างความดันเพื่อ ขับดันให้น้ำไหลไปได้ โดยมีชุดสวิตซ์ความ ดันเป็นวัสดุควบคุม การทำงานของ ปั๊มน้ำ ในการติดตั้งปั๊มน้ำ ท่อส่งน้ำ จะต่อโดยตรงกับจุดใช้น้ำ เช่นฝักบัว ก๊อกน้ำ ชักโครก เป็นต้น ดังนั้นเมื่อ เราเปิดฝักบัวหรือก๊อกน้ำ น้ำจะ ไหลออกจากท่อหรือระบบทำให้ความดัน ภายในท่อลดลงส่งผลให้เกิดการดัดต่อของ สวิตซ์ ความดัน ปั๊มน้ำจึงทำงาน
การเปิดก๊อกน้ำมีผลต่อการทำงาน ของปั๊มน้ำเป็นอย่างมาก ถ้าเราเปิดก๊อก น้ำเพียง ตัว และน้ำไหลไม่แรงมากแล้ว การทำ นจะไม่ตัดต่อบ่อยเพราะยังมี ความตันเหลืออยู่ในเส้นท่อมาก แต่ถ้าเรา เปิดก๊อกให้น้ำไหลแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ท่าให้ความ ดันเสียเร็วขึ้นปั๊มน้ำก็จะ ท่างานบ่อยมากขึ้น ตังนั้นเพื่อเป็นการ ออมอดน้ำและไฟฟ้าควรเปิดก๊อกน้ำใช้ ตามความจำเป็น แต่ในกรณีที่เราจำเป็นจะต้องเปิดใช้น้ำหลายจุด พร้อมกัน เช่น ใช้ฝักบัวอาบน้ำพร้อมกับล้างจานและรดน้ำ ต้นไม้ จะทำให้ปั๊มน้ำทำงานทุกเวลา ดัง นั้นการใช้น้ำในแต่ละจุดจึงไม่ควร เปิดก๊อกน้ำทิ้งไว้ทุก เมื่อเชื่อวัน
วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2557
ศึกษาเกี่ยวกับ ตู้เชื่อมไฟฟ้าหรือไม่ก็การเชื่อมโลหะด้วยธูปเชื่อมหุ้มฟลักซ์ (Manual Matel Arc Weldingหรือ MMA)
ศึกษาเกี่ยวกับ ตู้เชื่อมไฟฟ้าหรือไม่ก็การเชื่อมโลหะด้วยธูปเชื่อมหุ้มฟลักซ์ (Manual Matel Arc Weldingหรือ MMA) ตู้เชื่อมไฟฟ้าเป็นเครื่องมือช่างจะใช้กระแสไฟฟ้าทำให้เกิดกระแสไฟอาร์กระหว่างธูปเชื่อม (หรือลวดเชื่อม) กับชิ้นงาน ความร้อนที่เกิดขึ้นทำให้ปลายลวดเชื่อมหลอมละลายลงไปเติมแนวเชื่อม ส่วนฟลักซ์เมื่อถูกหลอมละลายบางส่วนจะกลายเป็นแก็สปกคลุมบริเวณแนวเชื่อมเพื่อปกป้องอากาศที่มีอ๊อกซิเจน ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดสนิม บางส่วนจะกลายเป็นสแลกปกคลุมแนวเชื่อม กระแสไฟที่ใช้เชื่อมสามารถใช้ได้ทั้งกระแสตรง (ARC DC) หรือกระแสสลับ (ARC AC) ซึ่งเราจะขออธิบายในคราวต่อไป
วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2557
การคัดเลือกซื้อปั๊มลมและชนิดปั๊มลม
การคัดเลือกซื้อปั๊มลมและชนิดปั๊มลม
ปั๊มลมสามารถจำแนกเป็น 6 ประเภท
1. ปั๊มลมแบบลูกสูบ (PISTON COMPRESSOR)
เป็นเครื่องอัดลมหรือปั๊มลมที่นิยมใช้ถือว่าเป็นปั๊มลมที่ใช้กันมากที่สุดเนื่องจากความสามารถอัดลม คือสร้างความดันหรือแรงดันได้ตั้งแต่ 1บาร์ (bar)ไล่ระดับไปจนถึงเป็นพันบาร์(bar) ทำให้ปั๊มลมแบบลูกสูบทำได้ตั้งแต่ความดันต่ำ ความดันปานกลาง จนไปถึงความดันสูง มีแบบใช้สายพาน จะให้เสียงเงียบกว่าแบบ โรตารี่ ที่มีมอเตอร์ในตัว จุดแข็งของโรตารี่คือได้ลมใช้งานที่เร็วกว่าแบบสายพาน
2.ปั้มลมแบบสกรู (SCREW COMPRESSOR)
เป็นที่นิยมในโรงงาน ตัวเครื่องมีการผลิตที่มีคุณลักษณะสูงในการผลิตโรเตอร์ ตัวเครื่องจะ ไม่มีลิ้นในการเปิดปิด แต่ต้องการระบบถ่ายเทความร้อนที่ดีออกจากปั้มมีทั้งระบบระบายความร้อนด้วยอากาศหรือใช้น้ำถ่ายเทความร้อนหากเป็นเครื่องความจุใหญ่ ปั้มลมจะสามารถจ่ายลม 170 ลูกบาศก์เมตรต่อนาที (m3/min) อีกทั้งสร้างความดันได้ถึง 10 บาร์
3. เครื่องอัดลมหรือ ปั้มลมแบบไดอะเฟรม (DIAPHARGM COMPRESSOR)
เป็นปั๊มลมที่ใช้ตัวไดอะแฟรมทำให้การทำหน้าที่ของลูกสูบและหัวดูดอากาศแยกออกจากกัน ดังนั้นลมที่ถูกดูดเขาในปั๊ม หรืออัดอากาศ จะไม่ได้มีการโดนหรือสัมผัสกับส่วนที่เป็นโลหะ และลมที่ได้จะไม่มีการผสมน้ำมันหล่อลื่นแต่จะไม่สามารถสร้างแรงดันได้สูง จุดดีคือลมที่ได้จากปั๊มประเภทนี้จึงมีความเสถียรมากและมักใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมยา อุตสาหกรรมเคมี และอาจะใช้ในการอุสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์น้ำเนื่องจากเสียงที่เงียบสงบกว่าแบบลูกสูบ
4. เครื่องอัดลมหรือ ปั้มลมแบบใบพัดเลื่อน (SLIDING VANE ROTARY COMPRESSOR)
ราคาปั๊มลมชนิดนี้จุดดีคือเสี่ยงจะไม่ดังการทำงานของการหมุนจะเรียบมีความสม่ำเสมอการอัดอากาศคงที่ ไม่มีลิ้นหรือวาวล์ในการเปิดปิดในพื้นที่จำกัดทำให้ไวต่อความร้อน หากต้องการประสิทธิภาพที่ดีจะต้องผลิตด้วยความประณีต สามารถกระจายลม 4-100 ลูกบาศก์เมตรต่อนาที (m3/min) ส่วนความดันทำได้ที่ 4-10 บาร์(Bar)
5. ปั้มลมแบบใบพัดหมุน (ROOTS COMPRESSOR)
เครื่องปั๊มลมนี้จะมีใบพัดหมุน 2 ตัว เมื่อโรเตอร์ 2 ตัวทำการหมุน ภูมิอากาศจะถูกดูดจากฝากหนึ่งไปยังอีกฝากหนึ่ง โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงขนาด ทำให้อากาศไม่ถูกบีบหรืออัดตัว แต่อากาศจะถูกอัดตัวก็ต่อเมื่ออากาศได้ถูกส่งเข้าไปยังถังเก็บลม ปั้มลมแบบนี้ทุนการผลิตจะแพง ไม่มีลิ้น ไม่ต้องการหล่อลื่นขณะทำงาน แต่ต้องมีการระบายความร้อนที่ดี
6. ปั้มลมแบบกังหัน (RADIAL AND AXIAL FLOW COMPRESSOR)
ขายปั๊มลมปั้มลมแบบนี้จะได้อัตราการจ่ายลมที่มาก ลักษณะเป็นใบพัดกังหันดูดเข้ามาจากด้านหนึ่งไปสู่อีกด้านหนึ่งด้วยการหมุนความเร็วสูง ลักษณะใบพัดจึงมีส่วนสำคัญเรื่องอัตราการจ่ายลมด้วย
สว่านไฟฟ้า(Drills)เป็นเครื่องมือช่าง
สว่านไฟฟ้า(Drills)เป็นเครื่องมือช่าง
ที่ช่วยเอื้ออำนวยความ คล่องไม่น้อยในการปรับปรุงซ่อมแซมอุปกรณ์ หรือวัสดุที่ชำรุดทรุด โทรมเสียหาย สว่านไฟฟ้าสามารถใช้งานได้มากมายรูปแบบ ใช้ได้ทั้งงานช่าง งาน ประดิษฐ์ และงานตกแต่งทั่วไป สว่านไฟฟ้าจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับช่างเลยก็ว่าได้ การมีไว้ติดบ้านสำหรับบุคคลทั่วไป นั้น จะมีเก็บไว้หรือไม่ก็ได้ ซึ่งแล้วแต่ความจำเป็น โดยทั่วไปแล้ว สว่านไฟฟ้าจะมีหลาก หลายหมู่ซึ่งแต่ละชนิดก็ใช้งานในลักษณะต่างๆกัน สว่านไฟฟ้าบางตัวสามารถใช้งานเฉพาะ เจาะ ยึด ขันน๊อต แต่บางรุ่นอาจจะมีความสามารถ เจาะกระแทก เพิ่มเติมเข้ามาด้วย เราควรเลือกใช้งานสว่านไฟฟ้า ให้คู่ควรกับงานที่ทำในแต่ละอย่าง
สว่านมีแบบไหนบ้างมาดูกัน
1. สว่านมือ เป็นสว่านที่ใช้แรงมือ เหมาะกับงานที่ไม่ใหญ่มาก
2. สว่านไฟฟ้า เป็นสว่านที่ใช้พลังงานจากไฟฟ้า เหมาะกับงานหนัก มีให้เลือก หลายประเภท
3. สว่านแบบมือถือ (Hand-held drill) เป็นแบบที่ใช้งานโดยใช้มือถือตัวเครื่องเอาไว้ ทั้งหมด ซึ่งก็มีอีกหลายประเภทแยกย่อยลงไปอีกตามการใช้งานเพื่อให้เราสามารถเลือกซื้อสว่านไฟฟ้าที่เหมาะกับงบ ประมาณและครอบคลุมการใช้งานที่เราต้องการทั้งหมด
4. สว่านไฟฟ้า แบบธรมดา (Pistol-grip (corded) drill)
เหมาะสำหรับการเจาะไม้ อลูมีเนียม และเหล็กที่ไม่หนามาก สว่านแบบนี้มีจุดเด่นตรงที่มีระบบการทำงานที่เรียบ ง่าย มีราคาถูก ส่วนข้อเสียที่เห็นได้ชัด คือมีความหลากหลายในการใช้งานน้อยกว่าสว่านประเภทอื่นๆนั่นเอง
5. สว่านกระแทก (Hammer drill)
เป็นสว่านที่เพิ่มความสามารถในการเจาะคอนกรีตเข้ามา โดยในการเจาะคอนกรีตนั้นเราจะเจาะโดยใช้แค่การหมุนดอก สว่าน(แบบสว่านปกติ)ไม่ได้ แต่ในขณะที่ดอกสว่านหมุนนั้นจะต้องมีการกระแทกร่วมด้วย ในสว่านกระแทกนั้นหัวจับดอก สว่าน(chuck) จะมีการเคลื่อนที่สลับหน้าหลังไปด้วยอย่างเร็วในขณะที่หมุน โดยเขา จะวัดความเร็วในการกระแทกเป็น BPM (Blows per minute) แปลว่า การกระแทกกี่ครั้งต่อหนึ่งนาที สว่านโรตารี่ (Rotary hammer drill) เป็นสว่านที่มีความสามารถในการเจาะคอนกรีตเช่นกัน แต่ ความแตกต่างระหว่าง สว่านกระแทกกับสว่านโรตารี่อยู่ตรงที่ ระบบกลไกการกระแทกที่พัฒนาขึ้น ทำให้สว่านโรตารี่มี แรงกระแทกที่มากกว่ามาก มากเสียจนถ้าใช้หัวจับดอกสว่านแบบธรรมดาดอกสว่านอาจจะกระเด็นหลุดออกมาเลยก็ได้ สว่าน โรตารี่จึงจำเป็นต้องใช้หัวจับดอก(chuck) แบบพิเศษที่เรียกว่า SDS (Special Direct System) ซึ่งถูกพัฒนามาเพื่อรองรับแรงกระแทกของสว่านชนิดนี้
6. สว่านไร้สาย
นับเป็นสว่านที่ได้รับความชื่นชมอีกชนิด เพราะความสะดวกในการใช้งาน เป็น สว่านที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ซึ่งในปัจจุบันนี้สว่านไร้สายมีลักษณะการใช้งานที่ แทบจะเหมือนกับสว่านต่อสายไฟ มีทั้งสว่านกระแทกไร้สาย สว่านโรตารี่ไร้สาย และอื่นๆ แต่ที่เห็นจะเป็นประโยชน์ใช้สอยอัน โดดเด่นที่สุด คงจะเป็นการใช้ขันสกรูนั่นเอง (ใช้เป็นไขควงไฟฟ้า(Power Screwdriver)) โดยปกติแล้ว ช่างจะใช้สว่านธรรมดาในการขันสกรู แต่การใช้สว่านในการขันสกรูมีข้อเสียตรงที่บางครั้ง สว่านมีความเร็วมากเกินไป และไม่มีตัวกำหนดแรงบิด แปลว่า หลายครั้งที่สกรูจะกินเข้าเนื้อ ไม้มากเกินไป หรือในกรณีวัสดุอ่อนเช่น MDF การใช้แรงมากไปอาจทำให้เกลียวหวานเลยก็ได้ แต่ในสว่านไร้สายหลายรุ่น เราสามารถตั้งค่าแรงบิดได้ (Torque Control) เพื่อให้เราสามารถขันสกรูด้วยแรงบิดที่เหมาะสมได้
ที่ช่วยเอื้ออำนวยความ คล่องไม่น้อยในการปรับปรุงซ่อมแซมอุปกรณ์ หรือวัสดุที่ชำรุดทรุด โทรมเสียหาย สว่านไฟฟ้าสามารถใช้งานได้มากมายรูปแบบ ใช้ได้ทั้งงานช่าง งาน ประดิษฐ์ และงานตกแต่งทั่วไป สว่านไฟฟ้าจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับช่างเลยก็ว่าได้ การมีไว้ติดบ้านสำหรับบุคคลทั่วไป นั้น จะมีเก็บไว้หรือไม่ก็ได้ ซึ่งแล้วแต่ความจำเป็น โดยทั่วไปแล้ว สว่านไฟฟ้าจะมีหลาก หลายหมู่ซึ่งแต่ละชนิดก็ใช้งานในลักษณะต่างๆกัน สว่านไฟฟ้าบางตัวสามารถใช้งานเฉพาะ เจาะ ยึด ขันน๊อต แต่บางรุ่นอาจจะมีความสามารถ เจาะกระแทก เพิ่มเติมเข้ามาด้วย เราควรเลือกใช้งานสว่านไฟฟ้า ให้คู่ควรกับงานที่ทำในแต่ละอย่าง
สว่านมีแบบไหนบ้างมาดูกัน
1. สว่านมือ เป็นสว่านที่ใช้แรงมือ เหมาะกับงานที่ไม่ใหญ่มาก
2. สว่านไฟฟ้า เป็นสว่านที่ใช้พลังงานจากไฟฟ้า เหมาะกับงานหนัก มีให้เลือก หลายประเภท
3. สว่านแบบมือถือ (Hand-held drill) เป็นแบบที่ใช้งานโดยใช้มือถือตัวเครื่องเอาไว้ ทั้งหมด ซึ่งก็มีอีกหลายประเภทแยกย่อยลงไปอีกตามการใช้งานเพื่อให้เราสามารถเลือกซื้อสว่านไฟฟ้าที่เหมาะกับงบ ประมาณและครอบคลุมการใช้งานที่เราต้องการทั้งหมด
4. สว่านไฟฟ้า แบบธรมดา (Pistol-grip (corded) drill)
เหมาะสำหรับการเจาะไม้ อลูมีเนียม และเหล็กที่ไม่หนามาก สว่านแบบนี้มีจุดเด่นตรงที่มีระบบการทำงานที่เรียบ ง่าย มีราคาถูก ส่วนข้อเสียที่เห็นได้ชัด คือมีความหลากหลายในการใช้งานน้อยกว่าสว่านประเภทอื่นๆนั่นเอง
5. สว่านกระแทก (Hammer drill)
เป็นสว่านที่เพิ่มความสามารถในการเจาะคอนกรีตเข้ามา โดยในการเจาะคอนกรีตนั้นเราจะเจาะโดยใช้แค่การหมุนดอก สว่าน(แบบสว่านปกติ)ไม่ได้ แต่ในขณะที่ดอกสว่านหมุนนั้นจะต้องมีการกระแทกร่วมด้วย ในสว่านกระแทกนั้นหัวจับดอก สว่าน(chuck) จะมีการเคลื่อนที่สลับหน้าหลังไปด้วยอย่างเร็วในขณะที่หมุน โดยเขา จะวัดความเร็วในการกระแทกเป็น BPM (Blows per minute) แปลว่า การกระแทกกี่ครั้งต่อหนึ่งนาที สว่านโรตารี่ (Rotary hammer drill) เป็นสว่านที่มีความสามารถในการเจาะคอนกรีตเช่นกัน แต่ ความแตกต่างระหว่าง สว่านกระแทกกับสว่านโรตารี่อยู่ตรงที่ ระบบกลไกการกระแทกที่พัฒนาขึ้น ทำให้สว่านโรตารี่มี แรงกระแทกที่มากกว่ามาก มากเสียจนถ้าใช้หัวจับดอกสว่านแบบธรรมดาดอกสว่านอาจจะกระเด็นหลุดออกมาเลยก็ได้ สว่าน โรตารี่จึงจำเป็นต้องใช้หัวจับดอก(chuck) แบบพิเศษที่เรียกว่า SDS (Special Direct System) ซึ่งถูกพัฒนามาเพื่อรองรับแรงกระแทกของสว่านชนิดนี้
6. สว่านไร้สาย
นับเป็นสว่านที่ได้รับความชื่นชมอีกชนิด เพราะความสะดวกในการใช้งาน เป็น สว่านที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ซึ่งในปัจจุบันนี้สว่านไร้สายมีลักษณะการใช้งานที่ แทบจะเหมือนกับสว่านต่อสายไฟ มีทั้งสว่านกระแทกไร้สาย สว่านโรตารี่ไร้สาย และอื่นๆ แต่ที่เห็นจะเป็นประโยชน์ใช้สอยอัน โดดเด่นที่สุด คงจะเป็นการใช้ขันสกรูนั่นเอง (ใช้เป็นไขควงไฟฟ้า(Power Screwdriver)) โดยปกติแล้ว ช่างจะใช้สว่านธรรมดาในการขันสกรู แต่การใช้สว่านในการขันสกรูมีข้อเสียตรงที่บางครั้ง สว่านมีความเร็วมากเกินไป และไม่มีตัวกำหนดแรงบิด แปลว่า หลายครั้งที่สกรูจะกินเข้าเนื้อ ไม้มากเกินไป หรือในกรณีวัสดุอ่อนเช่น MDF การใช้แรงมากไปอาจทำให้เกลียวหวานเลยก็ได้ แต่ในสว่านไร้สายหลายรุ่น เราสามารถตั้งค่าแรงบิดได้ (Torque Control) เพื่อให้เราสามารถขันสกรูด้วยแรงบิดที่เหมาะสมได้
วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557
เครื่องมือช่างไฟฟ้าเครื่องขัดกระดาษทราย
เครื่องมือช่างไฟฟ้าเครื่องขัดกระดาษทราย
เป็นเครื่องมือช่างที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าอยู่ด้านบนกระดาษทรายแบบไม่ขาดระยะอยู่ด้านล่าง มีลูกกลิ้งหรือสายพานเคลื่อนที่ไปได้ทั้งหน้าและหลัง การที่ช่างไม้จะทำงานไม้ให้ออกมาดูดีขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย และการขัดไม้ให้ออกมาดูดี สวย เรียบก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ฉะนั้นการขัดไม้ให้ออกมาดูดีจึงสำคัญไม่น้อยกว่าการดีไซน์งานไม้เลยก็ว่าได้
เครื่องขัดกระดาษทรายถือว่าเป็นเครื่องมือที่ช่วยในงานนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องขัดกระดาษทรายไม่ได้ใช้ในงานขัดไม้ที่ขรุขระให้เรียบอย่างเดียวทั้งหมด ยังใช้กับงานอื่นๆ เช่น เมื่อมีการสร้างชิ้นส่วนของเฟอร์นิเจอร์หรือลักษณะที่ใกล้เคียงกัน เช่นบันได เสริมแต่งผิวไม้ให้เรียบก็ทำได้เช่นกัน และสามารถใช้กับงานลอกสีสำหรับทาสีใหม่ได้ ขัดรอยเชื่อมต่อของไฟเบอร์กลาสให้เรียบสำหรับงานซ่อมรถยนต์ เป็นเครื่องขัดสีรถยนต์ได้อีกด้วย เครื่องขัดกระดาษทรายพวกเขาจะใช้โดยทั่วไปสำหรับการตกแต่งและขัดพื้นผิวที่ขรุขระมาก และทำการขัดพื้นผิวปรับระดับ
ตอนใช้งานอย่ากดน้ำหนักลงบนเครื่องขัดกระดาษทราย ให้น้ำหนักของเครื่องทำงาน บางรุ่นนั้นมีตัวจำกัดความเร็ว มีประโยชน์สำหรับเครื่องขัดกระดาษทรายมาก เนื่องจากจะช่วยให้คุณสามารถควบคุมความเร็วของสายพานขัด เพิ่มความเร็วในการจะช่วยให้ขัดได้อย่างรวดเร็วและกำจัดปัญหาในการควบคุมไปได้ด้วย
การเลือกเครื่องขัดกระดาษทราย
ต้องเลือกเครื่องขัดกระดาษทรายสายพานให้ลงตัวกับงานเครื่องขัดกระดาษทรายขนาดเล็กถึงขนาดกลางมีตั้งแต่ของจีนราคาไม่กี่ร้อย ถึงสินค้ายี่ห้อมาตรฐานราคาหลายๆพัน เครื่องขัดกระดาษทรายแบบรถถัง หรือที่เรียกว่าเครื่องขัดกระดาษทรายสายพาน เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ค่อนข้างกว้างราคาหลายพันบาททีเดียว บางรุ่นจะมีกระดาษทรายที่แคบแต่ยาว แต่บางรุ่นจะเป็นแบบกระดาษทรายกว้างมากก็มี
วัสดุที่อ่อนน่าจะใช้กระดาษทรายที่หยาบกว่าเบอร์ 38-80 จะขัดได้ลึกและเร็วกว่ากระดาษทรายเบอร์ละเอียดเช่นเบอร์ 100 หรือสูงกว่า ตัวอย่างเช่นใช้เบอร์ 36 หรือ 40 ในการขัดหยาบหรือลอกสี และใช้เบอร์150 ขัดผิวสุดท้ายก่อนทาน้ำมันชักเงา
ในท้องตลาดมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อเช่น เครื่องขัดกระดาษทราย makitaที่นิยมและอีกหลายๆยี่ห้อทั้งเครื่องขัดกระดาษทราย clinton,Samto,Bosch,Maktec,Okara,Kuani,Shinano แนะนำให้ดูตามความสามารถ ฟังก์ชั่นในการใช้งานและการรับประกัน
สิ่งที่คุณควรทำเมื่อใช้เครื่องขัดกระดาษทราย
1. สวมอุปกรณ์ช่วยป้องกันฝุ่น
2.ให้แน่ใจว่าเครื่องขัดกระดาษทรายปิดแน่นอนก่อนจะเสียบปลั๊กไฟ
3.ปรับความตึงของสายพานขัดเพื่อให้เหมาะเจาะกับการทำงาน
4.ใช้เครื่องขัดกระดาษทรายในทิศทางที่ถูกต้อง อย่าเปลี่ยนทิศกะทันหัน
5.ให้มือไกลจากสายพานเครื่องขัดกระดาษทราย
6.ใช้มือทั้งสองข้างในการทำงาน จับให้มั่นเหมาะมือ
7.ชำระล้างฝุ่นและมอเตอร์หลังจากการใช้งานแล้ว
8.สวมแว่นตานิรภัยเพื่อปกป้องใบหน้าและดวงตา
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีเครื่องสูบน้ำ
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีเครื่องสูบน้ำ
ในบรรดาเครื่องสูบน้ำที่หลากหลายนั้น เครื่องสูบหอยโข่ง ( volute pump) ถือเป็นเครื่องสูบน้ำที่ได้รับการพัฒนาก้าวหน้ามากที่สุด เพราะว่าสามารถสูบน้ำได้ในอัตราที่สูง และมีการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
ชนิดของปั๊ม
1 ปั๊มน้ำอัตโนมัติ เหมาะสำหรับอาคาร ตึกแถว ทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยวเป็นระบบสวิตซ์เปิด-ปิดอัตโนมัติ ประหยัดไฟกำลังส่งไปยังจุดต่างๆภายในบ้านได้ดี สามารถต่อกับเครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องซักผ้า หรือก๊อกน้ำได้
2 ปั๊มน้ำหอยโข่ง เหมาะกับงานเกษตร งานสูบน้ำขึ้นตึกสูง งานสูบจากแท็งค์หรือบ่อ งานหัวจ่ายน้ำ sprinkle
สามารถสูบน้ำได้ในปริมาณที่มากหรือแรงส่งสูงๆ
3 ปั้มน้ำจุ่ม ใช้กับงานสูบน้ำออก เช่น งานน้ำท่วม บ่อน้ำพุ มีกำลังส่งต่ำ แต่สูบน้ำได้ปริมาณมากๆ
ลักษณะของเครื่องสูบน้ำ
การแบ่งลักษณะของปั๊มใบพัดหมุน (Turbo Pump) ปั๊มน้ำใบพัดหมุนอาจแบ่งแยกง่ายๆ ตามลักษณะใบพัดได้ 3 ชนิดดังนี้
• ปั๊มหอยโข่งแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ (Centrifugal Pump) เฮดน้ำเกิดจากแรงเหวี่ยงหนีศูนย์จากการหมุนของใบพัด ใช้กันอย่างแพร่หลาย สามารถใช้เฮดน้ำสูง
• ปั๊มน้ำการไหลแบบผสม (Mixed Flow Pump) ปั๊มชนิดนี้เฮดน้ำเกิดจากแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ของใบพัดส่วนหนึ่ง และเกิดจากแรงดึงน้ำของใบพัด (Impeller Lift) อีกส่วนหนึ่ง
• ปั๊มน้ำการไหลตามแนวแกน (Axial Flow Pump) เฮดน้ำจากปั๊มประเภทนี้เกิดจากแรงที่ใบพัดกระทำต่อของเหลวตามแนวแกน ปั๊มชนิดนี้ใช้กันแพร่หลาย เมื่อต้องการปริมาณการไหลมาก และเฮดต่ำ
หลักการทำงานของเครื่องสูบน้ำชนิดหอยโข่ง เครื่องสูบน้ำชนิดโวลูท ดูดน้ำและส่งน้ำได้อย่างไร ?
ในสมัยที่เราเป็นเด็กเราคงเคยทดลองเล่น โดยให้น้ำหยดบนร่มที่กำลังหมุนใช่ไหม? น้ำหยดเล็กๆ จะถูกเหวี่ยงให้กระจายออกจากร่มที่กำลังหมุนอยู่นั้นในทำนองเดียวกันถ้าเราขว้างตุ้มฆ้อน เราต้องหมุนตัวเราให้เร็วที่สุดก่อน เพื่อที่จะขว้างตุ้มค้อนให้ได้ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้ขอให้เรามาทำการทดลองดูสักอย่างโดยอาศัยเครื่องมือง่ายๆ ที่ปรากฏในรูปข้างซ้ายมือนี้ เมื่อใบพัด (impeller) ที่ก้นของอุปกรณ์หมุนน้ำจะหมุนตามไปด้วย การหมุนทำให้ผิวน้ำยุบตัวต่ำที่สุดตรงส่วนกลาง และระดับน้ำสูงสุดตามบริเวณขอบของอุปกรณ์ เหตุผลก็คือว่าน้ำเคลื่อนที่ออกจากศูนย์กลางของการหมุนภายใต้การกระทำของแรงหนีศูนย์กลางที่เกิดจากการหมุนนั้น ความดันภายในของน้ำจะลดที่บริเวณศูนย์กลางแต่จะเพิ่มมากขึ้นที่บริเวณขอบโดยหลักการแล้วเครื่องสูบน้ำชนิดโวลูทก็เหมือนกับอุปกรณ์ทดลองที่แสดงมาแล้วข้างบนนี้ คือเมื่อใบพัดในเครื่องสูบหมุน ความดันของน้ำจะเพิ่มมากขึ้น เพราะแรงหนีศูนย์กลางน้ำจะถูกเหวี่ยงออกจากบริเวณศูนย์กลางการหมุนอย่างต่อเนื่อง
ลักษณะของเครื่องสูบน้ำชนิดหอยโข่ง
โดยปกติเราจะใช้ตัวแปร 4 ตัวแปร เป็นเครื่องบอกลักษณะการทำงานของเครื่องสูบน้ำแต่ละขนาด ลักษณะการทำงานของเครื่องสูบน้ำแต่ละขนาดโดยใช้ตัวแปร 4 ตัวเป็นตัววัดเรียกว่า พฤติลักษณะ (characteristic) ของเครื่องสูบ ตัวแปรเหล่านี้ได้แก่อัตราการสูบ ,เฮดหรือความสูงของน้ำที่สามารถส่งขึ้นไปได้ ,กำลังที่เพลา และประสิทธิภาพ
1. อัตราการสูบ (Flow Rate) หมายถึงปริมาณ หรือจำนวนของน้ำที่เครื่องสูบแต่ละเครื่องสูบได้ต่อหน่วยของเวลา โดยมากจะใช้หน่วยของอัตรสูบ ม3 /นาที หรือ ลิตร/นาที อย่างไรก็ตามขนาดของเครื่องสูบนิยมเรียกตามขนาดของท่อดูด ดังนั้นมาตรฐานอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (JIS) จึงได้จัดทำตารางเครื่องสูบที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างขนาดท่อดูดที่เหมาะสมที่อัตราการสูบหนึ่งๆ ดังแสดงในตารางด้านซ้ายมือ
2. เฮด (Head) คือแรงดัน หรือความสูงที่เครื่องสูบน้ำทำได้ ถือเป็นธรรมเนียมว่าให้ใช้ หน่วยความสูงของน้ำที่เป็นค่าเฮด และใช้หน่วยเป็นเมตร (ม.) พฤติลักษณะของเครื่องสูบแบบโวลูทก็คือ อัตราการไหลจะเป็นปฎิภาคกลับกับเฮด หรืออีกนัยหนึ่งก็คือว่าถ้าอัตราการไหลสูงเฮดจะต่ำ และถ้าอัตราการไหลต่ำเฮดจะสูง เราสามารถสร้างชาร์ตแสดงความสัมพันธ์ของอัตราการไหลกับเฮดได้โดยให้เฮดอยู่ในแนวแกนตั้ง และอัตราการไหลในแนวแกนนอน อัตรการไหลที่เฮดต่างๆ เมื่อกำหนดแต่ละค่า และเชื่อมต่อจุด (พลอต) เหล่านี้ด้วยกันก็จะได้เส้นโค้งที่ลดต่ำลงจากซ้ายไปขวาดังรูปที่แสดงทางซ้ายมือ
3. กำลังเพลา (Shaft power) กำลังของเครื่องดันกำลังเหมือนปั๊มน้ำบาดาลเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการขับเพลาของเครื่องสูบน้ำให้หมุนตามรอบที่กำหนด กำลังเครื่องฉุดถ่ายทอดผ่านเพลาไปสู่เพลาของเครื่องสูบน้ำ เรียกว่า กำลังเพลา ถ้าเราจะสร้างชาร์ตแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างกำลังเพลากับอัตราการไหล เราก็สามารถทำได้เช่นเดียวกับชาร์ตแสดงความสัมพันธ์ของเฮดกับอัตราการไหล โดยให้แกนนอนเป็นอัตราการไหลเหมือนเดิม แต่ให้แกนตั้งเป็นกำลังเพลาแทน ในกรณีเช่นนี้กราฟจะโค้งตกจากขวาไปซ้าย กำลังของเครื่องสูบจะต้องมีมากพอที่จะชดเชยกำลังที่สูญเสียไปในเพลา โดยปกติแล้วจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นเครื่องดันกำลัง ในกรณีอย่างนี้จะคิดเป็นกิโลวัตต์ (kW) แต่ถ้าเป็นเครื่องสูบเป็นเครื่องยนต์กำลังสูบคิดเป็นแรงม้า (PS)
ประสิทธิภาพ (Efficiency) สัดส่วน (ratio) ราคาปั๊มน้ำ (price)ของงานที่ได้จากเครื่องสูบ (หมายถึง กำลังที่ใช้ในการยกน้ำทางทฤษฏี) เมื่อเปรียบเทียบกับกำลังของเพลาที่ได้จากเครื่องฉุด เรียกว่าประสิทธิภาพ ค่านี้มักจะแสดงหน่วยเป็นเปอร์เซนต์ (%) เส้นโค้งแสดงพฤติลักษณะของเครื่องสูบน้ำเมื่อใช้แกนตั้งเป็นประสิทธิภาพ และแกนนอนเป็นอัตราการไหล
สิ่งที่ควรรู้ในการซื้อปั้มน้ำ
1. รู้ปริมาณน้ำ
2. รู้จำนวนแรงม้า
3. รู้ขนาดท่อดูดท่อส่งของปั๊มว่ากี่นิ้ว
4. ไฟที่ใช้ว่ากี่เฟส
5. รู้ระยะทางการส่งน้ำ
การเลือกซื้อปั๊มน้ำอัตโนมัติ
1.รู้รายละเอียดการใช้น้ำ เช่น ถ้าจะติดตั้งสปริงเกลอร์ต้องรู้ปริมาณน้ำและแรงดันของสปริงเกลอร์
2.เลือกปั๊มน้ำ ให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น ปั๊มทะเล/เคมีสำหรับสูบน้ำทะเลหรือเคมี, ปั๊มหอยโข่งสำหรับงานเกษตร,งานสปริงเกลอร์,งานประปาหมู่บ้านหรืองานดับเพลิง , ปั๊มแช่สำหรับงานดูดน้ำบาดาล,น้ำดีหรือน้ำเสีย
3.เลือกขนาดของปั้มน้ำ ในการเลือกปั๊มต้องดูว่าปั๊มสามารถจ่ายปริมาณน้ำได้มากแค่ไหนเพียงพอกับการใช้งานหรือไม่และที่แรงดันน้ำที่ต้องการ เช่น
- ปริมาณน้ำ 280 ลิตร/นาที หรือ 30 m3 / h (ลูกบาศก์เมตร / ชั่วโมง)
-แรงดัน5บาร์(10 m=1bar ) ระยะทางส่ง50เมตรเท่ากับ 5บาร์
- ขนาดมอเตอร์ 220 V.หรือ380 V (Volt แรงดันไฟฟ้าที่จ่ายเข้ามอเตอร์)
-50 Hz. (Hertz ความถี่ไฟฟ้าที่มอเตอร์ใช้)
- 400 W. (Wat กำลังไฟฟ้าที่มอเตอร์ใช้)
- 1.6 A. ( Amp กระแสไฟฟ้า ที่มอเตอร์ใช้)
ในบรรดาเครื่องสูบน้ำที่หลากหลายนั้น เครื่องสูบหอยโข่ง ( volute pump) ถือเป็นเครื่องสูบน้ำที่ได้รับการพัฒนาก้าวหน้ามากที่สุด เพราะว่าสามารถสูบน้ำได้ในอัตราที่สูง และมีการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
ชนิดของปั๊ม
1 ปั๊มน้ำอัตโนมัติ เหมาะสำหรับอาคาร ตึกแถว ทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยวเป็นระบบสวิตซ์เปิด-ปิดอัตโนมัติ ประหยัดไฟกำลังส่งไปยังจุดต่างๆภายในบ้านได้ดี สามารถต่อกับเครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องซักผ้า หรือก๊อกน้ำได้
2 ปั๊มน้ำหอยโข่ง เหมาะกับงานเกษตร งานสูบน้ำขึ้นตึกสูง งานสูบจากแท็งค์หรือบ่อ งานหัวจ่ายน้ำ sprinkle
สามารถสูบน้ำได้ในปริมาณที่มากหรือแรงส่งสูงๆ
3 ปั้มน้ำจุ่ม ใช้กับงานสูบน้ำออก เช่น งานน้ำท่วม บ่อน้ำพุ มีกำลังส่งต่ำ แต่สูบน้ำได้ปริมาณมากๆ
ลักษณะของเครื่องสูบน้ำ
การแบ่งลักษณะของปั๊มใบพัดหมุน (Turbo Pump) ปั๊มน้ำใบพัดหมุนอาจแบ่งแยกง่ายๆ ตามลักษณะใบพัดได้ 3 ชนิดดังนี้
• ปั๊มหอยโข่งแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ (Centrifugal Pump) เฮดน้ำเกิดจากแรงเหวี่ยงหนีศูนย์จากการหมุนของใบพัด ใช้กันอย่างแพร่หลาย สามารถใช้เฮดน้ำสูง
• ปั๊มน้ำการไหลแบบผสม (Mixed Flow Pump) ปั๊มชนิดนี้เฮดน้ำเกิดจากแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ของใบพัดส่วนหนึ่ง และเกิดจากแรงดึงน้ำของใบพัด (Impeller Lift) อีกส่วนหนึ่ง
• ปั๊มน้ำการไหลตามแนวแกน (Axial Flow Pump) เฮดน้ำจากปั๊มประเภทนี้เกิดจากแรงที่ใบพัดกระทำต่อของเหลวตามแนวแกน ปั๊มชนิดนี้ใช้กันแพร่หลาย เมื่อต้องการปริมาณการไหลมาก และเฮดต่ำ
หลักการทำงานของเครื่องสูบน้ำชนิดหอยโข่ง เครื่องสูบน้ำชนิดโวลูท ดูดน้ำและส่งน้ำได้อย่างไร ?
ในสมัยที่เราเป็นเด็กเราคงเคยทดลองเล่น โดยให้น้ำหยดบนร่มที่กำลังหมุนใช่ไหม? น้ำหยดเล็กๆ จะถูกเหวี่ยงให้กระจายออกจากร่มที่กำลังหมุนอยู่นั้นในทำนองเดียวกันถ้าเราขว้างตุ้มฆ้อน เราต้องหมุนตัวเราให้เร็วที่สุดก่อน เพื่อที่จะขว้างตุ้มค้อนให้ได้ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้ขอให้เรามาทำการทดลองดูสักอย่างโดยอาศัยเครื่องมือง่ายๆ ที่ปรากฏในรูปข้างซ้ายมือนี้ เมื่อใบพัด (impeller) ที่ก้นของอุปกรณ์หมุนน้ำจะหมุนตามไปด้วย การหมุนทำให้ผิวน้ำยุบตัวต่ำที่สุดตรงส่วนกลาง และระดับน้ำสูงสุดตามบริเวณขอบของอุปกรณ์ เหตุผลก็คือว่าน้ำเคลื่อนที่ออกจากศูนย์กลางของการหมุนภายใต้การกระทำของแรงหนีศูนย์กลางที่เกิดจากการหมุนนั้น ความดันภายในของน้ำจะลดที่บริเวณศูนย์กลางแต่จะเพิ่มมากขึ้นที่บริเวณขอบโดยหลักการแล้วเครื่องสูบน้ำชนิดโวลูทก็เหมือนกับอุปกรณ์ทดลองที่แสดงมาแล้วข้างบนนี้ คือเมื่อใบพัดในเครื่องสูบหมุน ความดันของน้ำจะเพิ่มมากขึ้น เพราะแรงหนีศูนย์กลางน้ำจะถูกเหวี่ยงออกจากบริเวณศูนย์กลางการหมุนอย่างต่อเนื่อง
ลักษณะของเครื่องสูบน้ำชนิดหอยโข่ง
โดยปกติเราจะใช้ตัวแปร 4 ตัวแปร เป็นเครื่องบอกลักษณะการทำงานของเครื่องสูบน้ำแต่ละขนาด ลักษณะการทำงานของเครื่องสูบน้ำแต่ละขนาดโดยใช้ตัวแปร 4 ตัวเป็นตัววัดเรียกว่า พฤติลักษณะ (characteristic) ของเครื่องสูบ ตัวแปรเหล่านี้ได้แก่อัตราการสูบ ,เฮดหรือความสูงของน้ำที่สามารถส่งขึ้นไปได้ ,กำลังที่เพลา และประสิทธิภาพ
1. อัตราการสูบ (Flow Rate) หมายถึงปริมาณ หรือจำนวนของน้ำที่เครื่องสูบแต่ละเครื่องสูบได้ต่อหน่วยของเวลา โดยมากจะใช้หน่วยของอัตรสูบ ม3 /นาที หรือ ลิตร/นาที อย่างไรก็ตามขนาดของเครื่องสูบนิยมเรียกตามขนาดของท่อดูด ดังนั้นมาตรฐานอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (JIS) จึงได้จัดทำตารางเครื่องสูบที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างขนาดท่อดูดที่เหมาะสมที่อัตราการสูบหนึ่งๆ ดังแสดงในตารางด้านซ้ายมือ
2. เฮด (Head) คือแรงดัน หรือความสูงที่เครื่องสูบน้ำทำได้ ถือเป็นธรรมเนียมว่าให้ใช้ หน่วยความสูงของน้ำที่เป็นค่าเฮด และใช้หน่วยเป็นเมตร (ม.) พฤติลักษณะของเครื่องสูบแบบโวลูทก็คือ อัตราการไหลจะเป็นปฎิภาคกลับกับเฮด หรืออีกนัยหนึ่งก็คือว่าถ้าอัตราการไหลสูงเฮดจะต่ำ และถ้าอัตราการไหลต่ำเฮดจะสูง เราสามารถสร้างชาร์ตแสดงความสัมพันธ์ของอัตราการไหลกับเฮดได้โดยให้เฮดอยู่ในแนวแกนตั้ง และอัตราการไหลในแนวแกนนอน อัตรการไหลที่เฮดต่างๆ เมื่อกำหนดแต่ละค่า และเชื่อมต่อจุด (พลอต) เหล่านี้ด้วยกันก็จะได้เส้นโค้งที่ลดต่ำลงจากซ้ายไปขวาดังรูปที่แสดงทางซ้ายมือ
3. กำลังเพลา (Shaft power) กำลังของเครื่องดันกำลังเหมือนปั๊มน้ำบาดาลเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการขับเพลาของเครื่องสูบน้ำให้หมุนตามรอบที่กำหนด กำลังเครื่องฉุดถ่ายทอดผ่านเพลาไปสู่เพลาของเครื่องสูบน้ำ เรียกว่า กำลังเพลา ถ้าเราจะสร้างชาร์ตแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างกำลังเพลากับอัตราการไหล เราก็สามารถทำได้เช่นเดียวกับชาร์ตแสดงความสัมพันธ์ของเฮดกับอัตราการไหล โดยให้แกนนอนเป็นอัตราการไหลเหมือนเดิม แต่ให้แกนตั้งเป็นกำลังเพลาแทน ในกรณีเช่นนี้กราฟจะโค้งตกจากขวาไปซ้าย กำลังของเครื่องสูบจะต้องมีมากพอที่จะชดเชยกำลังที่สูญเสียไปในเพลา โดยปกติแล้วจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นเครื่องดันกำลัง ในกรณีอย่างนี้จะคิดเป็นกิโลวัตต์ (kW) แต่ถ้าเป็นเครื่องสูบเป็นเครื่องยนต์กำลังสูบคิดเป็นแรงม้า (PS)
ประสิทธิภาพ (Efficiency) สัดส่วน (ratio) ราคาปั๊มน้ำ (price)ของงานที่ได้จากเครื่องสูบ (หมายถึง กำลังที่ใช้ในการยกน้ำทางทฤษฏี) เมื่อเปรียบเทียบกับกำลังของเพลาที่ได้จากเครื่องฉุด เรียกว่าประสิทธิภาพ ค่านี้มักจะแสดงหน่วยเป็นเปอร์เซนต์ (%) เส้นโค้งแสดงพฤติลักษณะของเครื่องสูบน้ำเมื่อใช้แกนตั้งเป็นประสิทธิภาพ และแกนนอนเป็นอัตราการไหล
สิ่งที่ควรรู้ในการซื้อปั้มน้ำ
1. รู้ปริมาณน้ำ
2. รู้จำนวนแรงม้า
3. รู้ขนาดท่อดูดท่อส่งของปั๊มว่ากี่นิ้ว
4. ไฟที่ใช้ว่ากี่เฟส
5. รู้ระยะทางการส่งน้ำ
การเลือกซื้อปั๊มน้ำอัตโนมัติ
1.รู้รายละเอียดการใช้น้ำ เช่น ถ้าจะติดตั้งสปริงเกลอร์ต้องรู้ปริมาณน้ำและแรงดันของสปริงเกลอร์
2.เลือกปั๊มน้ำ ให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น ปั๊มทะเล/เคมีสำหรับสูบน้ำทะเลหรือเคมี, ปั๊มหอยโข่งสำหรับงานเกษตร,งานสปริงเกลอร์,งานประปาหมู่บ้านหรืองานดับเพลิง , ปั๊มแช่สำหรับงานดูดน้ำบาดาล,น้ำดีหรือน้ำเสีย
3.เลือกขนาดของปั้มน้ำ ในการเลือกปั๊มต้องดูว่าปั๊มสามารถจ่ายปริมาณน้ำได้มากแค่ไหนเพียงพอกับการใช้งานหรือไม่และที่แรงดันน้ำที่ต้องการ เช่น
- ปริมาณน้ำ 280 ลิตร/นาที หรือ 30 m3 / h (ลูกบาศก์เมตร / ชั่วโมง)
-แรงดัน5บาร์(10 m=1bar ) ระยะทางส่ง50เมตรเท่ากับ 5บาร์
- ขนาดมอเตอร์ 220 V.หรือ380 V (Volt แรงดันไฟฟ้าที่จ่ายเข้ามอเตอร์)
-50 Hz. (Hertz ความถี่ไฟฟ้าที่มอเตอร์ใช้)
- 400 W. (Wat กำลังไฟฟ้าที่มอเตอร์ใช้)
- 1.6 A. ( Amp กระแสไฟฟ้า ที่มอเตอร์ใช้)
การเลือกซื้อและเลือกใช้ เครื่องล้างรถ (High Pressure Cleaners)
การเลือกซื้อและเลือกใช้ เครื่องล้างรถ (High Pressure Cleaners)
เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง เป็นเครื่องไม้เครื่องมือหรือเครื่องมือช่างที่ช่วยทำความสะอาด ทั้งสำหรับการใช้งานภายในบ้าน ที่พักอาศัย ธุรกิจขนาดเล็ก รวมไปถึงโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
สำหรับการใช้งานภายในบ้าน ที่พักอาศัย และธุรกิจขนาดเล็ก เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ถือเป็นวัสดุอุปกรณ์สารพัดประโยชน์ เช่น งานล้างรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ งานล้างท่อระบายน้ำ งานก่อสร้าง งานล้างพื้นที่ขนาดเล็ก ล้างพื้น คราบสกปรกจากฝุ่น โคลน คราบดิน คราบน้ำมัน ตะไคร่น้ำ การล้างกระจก มุ้งลวด หรือล้างแอร์ รวมถึงงานสวนต่างๆ ฯลฯ ในการเลือกซื้อก็ควรคำนึงถึงวิธีการใช้งานที่ง่าย ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก และควรมีระบบหยุดอัตโนมัติเมื่อไม่มีการใช้งาน เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน
สำหรับการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรม ปั๊มอัดฉีดแรงดันสูง จะใช้สำหรับงานล้างที่ต้องการแรงดันสูงและปริมาณน้ำมาก เช่น งานปิโตรเคมี งานลอกพื้นผิว งานลอกคราบยาง งานลอกสนิม การทำความสะอาดอุปกรณ์หรือสารเคมีที่ตกค้างอยู่ในแทงค์ การกระเทาะหรือสกัดผิววัสดุ และยังสามารถตัดวัสดุได้อย่างสวยงามและละเอียด อีกต่างหากยังมีรุ่นที่สามารถผลิตน้ำร้อน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาด ฯลฯ โดยที่ตัวเครื่องแข็งแกร่ง รองรับงานหนัก และต่อเนื่อง ตอบสนองความต้องการในเรื่องแรงดัน และปริมาณน้ำได้หลากหลาย กำลังมอเตอร์สูง พร้อมระบบหยุดอัตโนมัติ เมื่อไม่มีการใช้งาน และให้ความสะดวกสบายกับผู้ใช้ ด้วยฟังก์ชั่นที่ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน
ข้อควรคำนึงในการเลือกใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง
1. ประเภทของเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง
เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงแบบใช้ไฟฟ้า ไฟฟ้าที่ใช้มีทั้ง 220 V (Single phase) ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานทำความสะอาดทั่วไป และ 380 V (3 phase) เหมาะสำหรับงานฉีดล้างทำความสะอาดในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงแบบเครื่องยนต์ เหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่ๆ ไม่มีไฟฟ้าใช้ มีความคงทนถาวรมากกว่า แต่จะมีเสียงดังจากเครื่องยนต์ และควันไอเสีย จึงเหมาะสำหรับใช้งานกลางแจ้ง
2. เครื่องล้างอัดฉีดน้ำแรงดันสูงแบบน้ำร้อน / น้ำเย็น
เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงระบบน้ำร้อน เหมาะสำหรับใช้งานในอุตสาหกรรมหนัก อุตสาหกรรมอาหาร หรือฟาร์มปศุสัตว์
เครื่องฉีดอัดน้ำแรงดันสูงระบบน้ำเย็น เหมาะสำหรับใช้งานทั่วๆไป รวมถึงงานทำความสะอาดรถยนต์ ภารกิจคาร์แคร์ต่างๆ
3. เปรียบเทียบสเป็คของเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงหรือเครื่องล้างรถในแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ โดยสังเกตจาก
แรงดันน้ำ (Pressure) มีหน่วยเป็น bar หรือ PSI หมายถึง ความแรงของน้ำที่จะกระทบกับพื้นผิวที่ต้องการทำความสะอาด
อัตราการไหลของน้ำ (Water Flow Rate) มีหน่วยเป็น ลิตร/ชม. หรือ ลิตร/นาที
กล่าวโดยสรุปคือ เครื่องฉีดน้ำล้างรถแรงดันสูงที่มีแรงดันน้ำ (Pressure) เท่ากัน แต่มีอัตราการไหลของน้ำ (Water Flow Rate) มากกว่า จะมีศักยภาพในการทำความสะอาดได้ดีกว่า
เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง เป็นเครื่องไม้เครื่องมือหรือเครื่องมือช่างที่ช่วยทำความสะอาด ทั้งสำหรับการใช้งานภายในบ้าน ที่พักอาศัย ธุรกิจขนาดเล็ก รวมไปถึงโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
สำหรับการใช้งานภายในบ้าน ที่พักอาศัย และธุรกิจขนาดเล็ก เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ถือเป็นวัสดุอุปกรณ์สารพัดประโยชน์ เช่น งานล้างรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ งานล้างท่อระบายน้ำ งานก่อสร้าง งานล้างพื้นที่ขนาดเล็ก ล้างพื้น คราบสกปรกจากฝุ่น โคลน คราบดิน คราบน้ำมัน ตะไคร่น้ำ การล้างกระจก มุ้งลวด หรือล้างแอร์ รวมถึงงานสวนต่างๆ ฯลฯ ในการเลือกซื้อก็ควรคำนึงถึงวิธีการใช้งานที่ง่าย ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก และควรมีระบบหยุดอัตโนมัติเมื่อไม่มีการใช้งาน เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน
สำหรับการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรม ปั๊มอัดฉีดแรงดันสูง จะใช้สำหรับงานล้างที่ต้องการแรงดันสูงและปริมาณน้ำมาก เช่น งานปิโตรเคมี งานลอกพื้นผิว งานลอกคราบยาง งานลอกสนิม การทำความสะอาดอุปกรณ์หรือสารเคมีที่ตกค้างอยู่ในแทงค์ การกระเทาะหรือสกัดผิววัสดุ และยังสามารถตัดวัสดุได้อย่างสวยงามและละเอียด อีกต่างหากยังมีรุ่นที่สามารถผลิตน้ำร้อน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาด ฯลฯ โดยที่ตัวเครื่องแข็งแกร่ง รองรับงานหนัก และต่อเนื่อง ตอบสนองความต้องการในเรื่องแรงดัน และปริมาณน้ำได้หลากหลาย กำลังมอเตอร์สูง พร้อมระบบหยุดอัตโนมัติ เมื่อไม่มีการใช้งาน และให้ความสะดวกสบายกับผู้ใช้ ด้วยฟังก์ชั่นที่ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน
ข้อควรคำนึงในการเลือกใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง
1. ประเภทของเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง
เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงแบบใช้ไฟฟ้า ไฟฟ้าที่ใช้มีทั้ง 220 V (Single phase) ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานทำความสะอาดทั่วไป และ 380 V (3 phase) เหมาะสำหรับงานฉีดล้างทำความสะอาดในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงแบบเครื่องยนต์ เหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่ๆ ไม่มีไฟฟ้าใช้ มีความคงทนถาวรมากกว่า แต่จะมีเสียงดังจากเครื่องยนต์ และควันไอเสีย จึงเหมาะสำหรับใช้งานกลางแจ้ง
2. เครื่องล้างอัดฉีดน้ำแรงดันสูงแบบน้ำร้อน / น้ำเย็น
เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงระบบน้ำร้อน เหมาะสำหรับใช้งานในอุตสาหกรรมหนัก อุตสาหกรรมอาหาร หรือฟาร์มปศุสัตว์
เครื่องฉีดอัดน้ำแรงดันสูงระบบน้ำเย็น เหมาะสำหรับใช้งานทั่วๆไป รวมถึงงานทำความสะอาดรถยนต์ ภารกิจคาร์แคร์ต่างๆ
3. เปรียบเทียบสเป็คของเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงหรือเครื่องล้างรถในแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ โดยสังเกตจาก
แรงดันน้ำ (Pressure) มีหน่วยเป็น bar หรือ PSI หมายถึง ความแรงของน้ำที่จะกระทบกับพื้นผิวที่ต้องการทำความสะอาด
อัตราการไหลของน้ำ (Water Flow Rate) มีหน่วยเป็น ลิตร/ชม. หรือ ลิตร/นาที
กล่าวโดยสรุปคือ เครื่องฉีดน้ำล้างรถแรงดันสูงที่มีแรงดันน้ำ (Pressure) เท่ากัน แต่มีอัตราการไหลของน้ำ (Water Flow Rate) มากกว่า จะมีศักยภาพในการทำความสะอาดได้ดีกว่า
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)